ช่วงนี้วันหยุดยาวมีติดกันหลายวัน อีกไม่กี่วันเราก็จะวันแม่กันอีกแล้ว ทริปนี้เราหนีความวุ่นวายของเมืองกรุงไปพักอก พักใจ เติมพลังให้กับชีวิตที่ปราณบุรีกันครับ
ปราณบุรีเป็นชื่อที่เราคุ้นหู ได้ยินมานาน แต่ไม่เคยได้มีโอกาสไปสัมผัสอย่างจริงจังเสียที ทั้งที่ใกล้กรุงเทพนิดเดียว เราขับรถวิ่งเส้นเพชรเกษมผ่านจังหวัดเพรชบุรีเข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ใช้เวลาในการ
เดินทางจากกรุงเทพประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเองครับ
จุดแรกที่เราแวะก่อนถึงปราณบุรีคงจะเป็นที่อื่นเสียไม่ได้นอกจากวัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบ เพื่อแวะสักการะหลวงปู่ทวดเพื่อเป็นศิริมงคลกันเสียก่อน
 |
หลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล
|
พอถึงทางเข้าวัดห้วยมงคลก็จะเห็นหลวงปูทวดแต่ไกลเลยครับ หลวงปู่ทวดที่นี่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูงถึง 11.5 เมตร หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร แถมฐานยังสูงถึง 3 ชั้น จึงเป็นสถานที่ ที่พุทธศาสนิกชนอยากเข้าไปกราบไหว้ สักการะเพื่อเป็นศิริมงคล นอกจากในเรื่องของความอลังการแล้วหลวงปู่ทวดยังมีเรื่องเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านในเรื่อง เหยียบน้ำทะเลให้จืด เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัติเหตุทั้งปวง เรื่องให้โชคลาภต่างๆแก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา
 |
บริเวณรอบ ๆฐานหลวงปู่ทวด
|
ภายในบริเวณวัดก็จะมีช้างไม้แกะสลักขนาดใหญ่ให้ลอดท้องเพื่อขอพร ขอโชคลาภ แต่ต้องรอคิวกันหน่อยนะครับเพราะพุทธบริษัทเยอะมากจริงๆ
 |
พระพุทธรูปปางต่างๆ ภายในวัดห้วยมงคล
|
นอกจากนั้นแล้วยังมีมุมให้ทำไหว้สักการะและมุมรับทำบุญ รับบริจาค อีกหลายจุดเลยครับ
 |
เศียรพระพุทธรูปในวัดห้วยมงคล
|
ทางด้านซ้ายของบริเวณวัดก็มีพระเจ้าตากสินมหาราชให้กราบไหว้ ขอพร เพื่อความเป็นศิริมงคลอีกด้วย
 |
พระเจ้าตากสินมหาราช
|
หลังเราอิ่มอก อิ่มใจ อิ่มบุญ กันเรียบร้อย แต่เรายังไม่อิ่มท้องจึงตกลงกันว่าจะไปหาอาหารทะเลกินกันที่หาดบ้านบางปู หรือเรียกอีกชื่อว่าหาดเจ้าพระยาบางปูกันก่อนครับ
 |
วิวสองข้างทาง ณ ปราณบุรี
|
 |
วิวสองข้างทาง ณ ปราณบุรี
|
ระหว่างทางก็จะเห็นภูเขาหินปูนใหญ่น้อยเต็มไปหมดเลยครับ ขับตามทางมาเรื่อยๆจนเห็นหมู่บ้านชาวประมงก็แสดงว่าถึงปากทางเข้าชายหาดแล้ว หมู่บ้านชาวประมงที่นี่ในสายตาของนัก
ท่องเที่ยวอย่างเราดูน่าสนใจ และมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
 |
หมู่บ้านชาวประมง
|
พอมาถึงชายหาดจะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย หลายร้าน เลยครับของที่ขายก็เหมือนที่เคยเห็นทั่วไปตามสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา เช่น เปลือกหอย สร้อยคอเปลือกหอย ของประดับที่ทำจากเปลือกหอย ของทะเลแห้ง
 |
สัญลักษณ์ของหาดบ้านบางปู (อนุสรณ์นิมิตสถานตำนานบ้านบางปู)
|
แถวนั้นจะมีร้านขายอาหารริมหาดอยู่มากมายหลายร้านเลยครับ เราเดินวนๆดูก็ตกลงใจเลือกร้านที่ติดริมหาดเลย
 |
หาดบ้านบางปู
|
เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้เสียแล้ว พี่เจ้าของร้านใจดี อาหารสด รสชาติอร่อย แถมวิวยังสวยอีกตั้งหาก คุยกับพี่เจ้าของร้านไปสักพักนึกขึ้นได้ว่าหน้าแกคุ้นๆเหมือนในรูปที่ติดอยู่แถวๆ อนุสรณ์นิมิตสถานตำนาน บ้านบางปู แล้วก็เป็นคนเดียวกันจริงๆด้วย
 |
วิวในร้านอาหาร |
บรรยากาศดีมากจริงๆครับ วันที่เราไปโชคดีที่คนไปไม่เยอะ เลยเหมือนชาดหาดส่วนตัวซึ่งเราชอบมาก ในร้านอาหารก็มีแค่เราสองคน
 |
หาดบ้านบางปู
|
 |
ร้านอาหารริมหาดบ้านบางปู
|
หลังจากอิ่มท้อง อิ่มตากับบรรยากาศแล้วเราก็สอบถามทางไปหาดแหลมศาลาเพื่อจะไปสู่ถ้ำพระยานครแต่ติดที่ว่าเรานั่งเพลินไปหน่อยทำให้เวลาล่วงเลยมาบ่ายเกือบเย็นถ้าจะเดินทางไปกลัวว่าจะมืดค่ำกลางทางเสียก่อน เราจึงไปนอนที่รีสอร์ทแถวเขาสามร้อยยอดเสียก่อนหนึ่งคืน
 |
วิถีประมง เขาสามร้อยยอด
|
ตอนเช้าระหว่างทางจากรีสอร์ทเราเจอชาวประมงกำลังเตรียมเรือเพื่อออกหาปลากันหลายจุดเลยทีเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะแวะไปดู และถ่ายรูป แนะนำเลยนะครับถ้าท่านใดอยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ให้ตื่นเช้าๆและลองปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเรื่อยๆ แวะข้างทางบ้าง นอกแผนการบ้าง ก็จะได้เจอกับภาพที่คุณไม่คาดว่าจะได้เห็น
 |
วิถีประมง เขาสามร้อยยอด
|
 |
วิถีประมง เขาสามร้อยยอด
|
หลังจากถ่ายรูปจนพอใจแล้วเราก็ย้อนกลับไปที่หาดบ้านบางปูอีกครั้งเพื่อที่จะเดินทางไปหาดแหลมศาลาเพื่อจะไปสู่ถ้ำพระยานครการเดินทางมีให้เลือก 2 แบบคือ
1.เดินข้ามภูเขาขนาดย่อม 2 ลูก ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
2.จ้างเรือนั่งไปยังหาดแหลมศาลาและเดินจากแหลมศาลาประมาณ 500 เมตรเพื่อไปถ้ำพระยานคร สนนราคาก็ 300 บาท (ไป - กลับ)
แต่เราเลือกนั่งเรือไปกันเพราะว่าวันนี้มีแผนที่จะเที่ยวที่อื่นๆด้วยถ้าเดินมีหวังไม่อยากไปที่อื่นกันแล้ว
 |
เรือไปหาดแหลมศาลา - ถ้ำพระยานคร
|
นั่งไปสักครู่ก็มาถึงชายหาดแหลมศาลาบนหาดจะมีร้านอาหารและรีสอร์ทสำหรับผู้ที่อยากมาพักค้างคืนด้วยครับ บรรยากาศดี เงียบสงบ แต่หากจะมาพักที่นี่ท่านที่นำรถมาจะต้องจอดรถทิ้งไว้ที่หาดบ้านบางปูแล้วเดินเท้าหรือนั่งเรือข้ามมาครับ
 |
ร้านอาหารหาดแหลมศาลา
|
เดินจากหาดแหลมศาลาไปไม่ไกลเราก็เจอ บ่อพระยานคร
 |
บ่อพระยานคร
|
บ่อพระยานครขุดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 โดยเจ้าพระยานครศรีธรรมราชขุดขึ้นเมื่อครั้งกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพแต่เกิดพายุขึ้นจึงหลบพายุมาพักที่หาดแหลมศาลาจึงขุดบ่อนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในคราวนั้น ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกกันว่า บ่อพระยานคร
 |
ป้ายบอกทางถ้ำพระยานคร
|
 |
เส้นทางเดินสู่ถ้ำพระยานคร
|
เดินจากบ่อพระยานครไม่ถึงห้านาทีก็จะเจอป้ายบอกทางไปถ้ำพระยานครแล้วครับ ตรงเส้นทางก่อนขึ้นจะมีเจ้าหน้าที่ให้เช่าไม้ เพื่อใช้ค้ำยันเวลาเดินขึ้นเขาด้วยครับ แต่เราไม่ได้เช่าเพราะเราเดินเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก เส้นทางไปถ้ำพระยานครจะต้องเดินขึ้นเขาไปไกลพอสมควร จึงไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่แข็งแรง กับบุคคลที่เป็นโรคประจำตัวนะครับ
 |
จุดชมวิวเส้นทางสู่ถ้ำพระยานคร
|
หลังจากเหงื่อออกไปหลายหยดก็จะมาเจอจุดชมวิวก่อนถึงถ้ำพระยานครมองเห็นทะเลจากมุมสูง ลมพัดเย็นช่วยให้หายเหนื่อยไปได้เยอะเลย
 |
มดหน้าถ้ำพระยานคร
|
พอเดินมาถึงหน้าถ้ำพระยานครก็จะมีบันไดเป็นเส้นทางเข้าสู่ถ้ำ
 |
บริเวณหน้าปากถ้ำพระยานคร
|
ภายในบริเวณถ้ำจะมีแผนที่อธิบายเส้นทางการเดินไว้อย่างละเอียด ภายในถ้ำจะมี 3 คูหา ตรงปล่องถ้ำที่เห็นแสงสว่างเข้ามาจะมีลักษณะคล้านสะพานหิน สะพาานนี้มีชื่อว่า สะพานมรณะ
 |
บริเวณปากทางเข้าถ้ำพระยานคร
|
ภายในถ้ำพระยานครจะมีจุดให้ชมอยู่ทั้งหมด 10 จุด คือ น้ำตกแห้ง สะพานมรณะ ทางสันจระเข้ หินรูปเจดีย์ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ลายพระหัตถ์ จ.ป.ร ป.ป.ร อัฐิหลวงพ่อเงิน ต้นซุ่มรอดคู่ หินจระเข้ ต้นไม้มีพิษ
 |
แผนที่ภายในถ้ำพระยานคร
|
พอเดินเข้าถ้ำมาเราเห็นพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ก็อดทึ่งในพระอัจริยะภาพของรัชกาลที่ 5 ไม่ได้เพราะพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ตอนที่แสงแดดส่องลงมาสวยจริงๆ เหมือนภาพวาดไม่มีผิด
 |
พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์
|
พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข สร้างในสมัยรัชการที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาส และเป็นฝีพระหัตถ์การสร้างของพระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์
 |
พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์
|
พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรางสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วจึงส่งมาประกอบขึ้นท่ีถ้ำพระยานคร
 |
พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์
|
โดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง โดยรัชกาลที่ 5 เสด็จมายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง
 |
พรที่นั่งคูหาคฤหาสน์
|
และลงลายพระหัตถ์ไว้ที่หินถ้ำเพื่อเป็นอนุสรณ์อีกด้วย
 |
ลายพระหัตถ์
|
เดินมาอีกมุมหนึ่งไม่ไกลกันจะเห็นซอกถ้ำมืดๆ นั้นคือที่จัดเก็บอัฐิหลวงพ่อเงิน และสถานที่ปฎิบัติธรรมของหลวงพ่อเงินและท่านละสังขาลที่นี่ด้วย
 |
อัฐิหลวงพ่อเงิน
|
 |
หินจระเข้
|
แต่ละจุดในถ้ำอยู่ไม่ไกลจากกันนักสามารถมองเห็นได้รอบๆ
 |
ต้นไม้มีพิษ
|
หลังจากที่เราเดินชมจนทั่วแล้ว เราสองคนก็มุ่งสู่จุดหมายต่อไปนั้นก็คือ บึงบัว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
 |
เส้นทางสู่บึงบัว |
บึงบัว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่ในอำเภอกรุยบุรีและได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 4 ของประเทศไทย
 |
บึงบัว กรุยบุรี
|
และเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกในเมืองไทยอีกด้วย
 |
บรรยากาศรอบๆบึงบัว กรุยบุรี
|
บรรยากาศดีมากจริงๆครับ และสวยมากอีกด้วยขนาดตอนที่เราไปดอกบัวยังไม่มี
 |
บึงบัว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
|
จริงๆเมืองไทยเรามีสถานที่สวยๆเยอะแบบไม่น่าเชื่อเลยนะครับ
 |
สะพานเดินชมวิวบึงบัว
|
ที่บึงบัวยังมีนกอีกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ หากท่านใดสนใจจะดูนกที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี
 |
บึงบัว เขาสามร้อยยอด
|
บึงบัวแห่งนี้มีบัวสายพันธ์ุต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีพืชน้ำชนิดต่างๆ โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 500 ไร่
 |
บึงบัว อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด |
|
จริงๆเราไม่คิดว่าบึงบัว อุทยานเขาสามร้อยยอดจะสวยขนาดนี้ ถือว่าเป็นเรื่องเกินคาดมากจริงๆ และเป็นทริปที่เราประทับใจมาก คิดไว้ว่าจะกลับมาเที่ยวบึงบัวอีกทีตอนหน้าหนาวจะได้เห็นภาพดอกบัวบานเต็มท้องน้ำ คงจะสวยได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่เดียวกัน เพียงแต่เวลาต่างกันภาพที่เราเห็น มุมที่เรามองก็จะต่างกันไปด้วย จริงๆการออกไปเที่ยว ไปดูนั้น โน้น นี่ ได้คุยกับคนอื่นๆที่เราไม่รู้จักบ้าง มันทำให้เราเปิดโลกได้ดีทีเดียวนะครับ ทริปนี้เป็นความประทับใจของเราจริงๆนอกจากสถานที่สวย ค่าใช้จ่ายก็ไม่มาก ใกล้กรุงเทพ ตอนนี้เราชาร์ตแบตเต็มแล้วครับต้องกลับไปสู้ความวุ่นวายของเมืองหลวงกันต่อไปแล้ว....
ไม่มีความคิดเห็น: