ทริปกาญจนบุรีเป็นอีกทริปที่เราประทับใจกันมากๆครับ เพราะอากาศดีและยังได้เจอมิตรภาพที่น่าจดจำอีกมากมาย Day : 1 ทริปนี้เราเดินทางด้วยทัวร์ก็เช่นเคยครับไปขึ้นรถที่หมอชิตตั้งแต่เช้ามืด โดยจองตั๋วกรุงเทพฯ - ด่านเจดีย์สามองค์ ป.1 ในราคา 168 บาท ต่อคนครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงเพราะระหว่างทางที่เราไปสองข้างทางมีแต่ภูเขาใหญ่ น้อยเต็มไปหมด รถทัวร์จึงไม่สามารถวิ่งได้เร็วครับ ระหว่างทางที่ใกล้ถึงด่านเจดีย์สามองค์เราจะผ่านจุดตรวจเป็นช่วงๆ ไปนะครับเพราะป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง


ด่านเจดีย์สามองค์เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนไทยด้านทิศตะวันตกครับ โดยมีพื้นที่ติดกับพม่าครับแต่ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าด่านนี้ปิดมาสองสามปีแล้วครับ พระเจดีย์สามองค์นี้เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไปก่อนเดินทางออกจากเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่า โดยต่อมาพระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้จัดให้มีการก่อสร้างเป็นเจดีย์ขนาดเล็กที่เราเห็นในปัจจุบันครับ

สุดแดนตะวันตก

ในบริเวณรอบๆมีของที่นำมาจากพม่าและของไทยเราเองมาวางขายมากมายครับ แต่ส่วนตัวของเราแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าของน่าจับจ่ายสำหรับคนแบกเป้เที่ยวอย่างเรา


หนุ่มน้อยคนนี้เราประทับใจมากครับ สู้กล้องตลอดใครไปก็ต้องถ่ายเหมือนพรีเซ็นเตอร์ของที่นี่เลยทีเดียว

หนุ่มน้อยประหน้านวลพรีเซ็นเตอร์ด่านเจดีย์สามองค์ ในบริเวณนี้ยังมีวัดที่อยู่ฝั่งไทยแต่ได้รับแนวสถาปัตยกรรมของฝั่งพม่ามาครับ


หลังจากแวะทานข้าวเที่ยงและเดินเล่นชมร้านขายของที่ระลึกจนเต็มอิ่มแล้ว เราก็นั่งรถสองแถวตรงด้านหลังสถานีตำรวจเพื่อไปสะพานมอญกันต่อครับ แต่สำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทางไปอย่าลืมพกบัตรประชาชนไปด้วยนะครับ เพราะมีตรวจบัตรประชาชนเยอะทีเดียวคงเพื่อป้องกันชาวพม่าหนีเข้าประเทศไทยครับ


นั่งรถสองแถวมาสักระยะก็ถึงแล้วครับสะพานมอญ จากทางที่เราลงรถสองแถวจะต้องเดินไปที่สะพานมอญเป็นระยะทางพอสมควรนะครับแต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็มีรถมอเตอร์ไซต์หรือสามล้อบริการ ส่วนเราขอเดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆดีกว่า เพราะยังมีเวลาเหลืออีกมากไม่ต้องรีบร้อนครับ

บ้านของชาวบ้านระหว่างทางเดินไปสะพานมอญครับ

รูปนี้เป็นทางเดินลงไปที่สะพานมอญครับ แม่น้ำกว้างทีเดียว


ถึงแล้วครับสะพานมอญ วิวสวยดีทีเดียว ด้านล่างนี่เป็นแพสำหรับนักท่องเที่ยวมาพักนอน หรือมาตกปลาครับ สนนราคาก็แตกต่างกันไปตามแต่ละสภาพของแพและบริการ


เก็บภาพอยู่สักพักเราก็เดินหาที่พักกันครับแต่ตอนที่เราไปเป็นช่วงที่คนเยอะมาก ส่วนมากจะเต็มหมด แต่เราก็หาที่พักแบบอาศัยนอนได้ที่โรงแรมซองกาเลีย อินน์ บอกตรงๆครับไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ โรงแรมค่อนข้างเก่าและโทรมมากเหมือนกัน บรรยากาศไม่ดีเท่าที่ควร แต่อาศัยอยู่ใกล้สะพานมอญและเวลาจำกัดเราจึงจำเป็นต้องนอนที่นี่ เพราะนอกจากที่อื่นจะเต็มหมดแล้วตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วย...

Day : 2 เช้าวันนี้เราจะไปอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิครับ โดยต้องไปนั่งสองแถวขึ้นอุทยานรถสองแถวขึ้นอุทยานมีแค่เที่ยวเช้าเที่ยวเดียวเท่านั้นครับถ้าพลาดต้องรอวันรุ่งขึ้นเลย (ประมาณ 8 โมงควรมารอที่ท่ารถได้แล้ว)


ใช้เวลาประมาณชั่วโมงได้ครับจะถึงอุทยานแห่งชาติททองผาภูมิ เส้นทางที่ใช้ขึ้นไปเสียวไส้ดีทีเดียวครับถนนเป็นหน้าตัดมองลงไปก็เจอเหวบ้าง หน้าผาบ้าง สูงดีมากแถมคุยกับพี่คนขับรถเล่าให้เราฟังว่าเมื่อวานเพิ่งมีนักท่องเที่ยวขับรถตกเหวไป รอยยังอยู่เลย ("_") หน้าเหลือสองนิ้วเลยครับเจอพี่แกเล่าฉากนี้ไป


แต่คุ้มค่าการเดินทางครับเพราะอากาศบนนี้โอโซนเค้าดีจริงๆ วิวก็บรรเจิดเชียวครับ


วิวจากหน้าห้องพักเราครับ คืนนี้เราพักบ้านทาร์ซานกัน สนนราคาคืนละพันกว่าบาทครับ แหมวิวดีจริงๆนั่งมองแล้วยังเคลิ้มไม่หายที่นี่อากาศดีตลอดปีครับ ตอนเราไปอยู่ที่ 10 องศาครับ

บ้านทาร์ซาน

ระเบียงชมวิวที่บ้านทาร์ซาน สำหรับที่พักมีให้เลือกหลากหลายนะครับ ทั้งลานกางเต้นท์ (มีทั้งหมอน ผ้าห่ม และที่นอนปิกนิคให้ด้วยครับ) บ้านพักอื่นๆสามารถเลือกได้ตามใจ ตามรสยมของแต่ละท่าน


เมื่อจัดการเรื่องห้องพักและสะสมเสบียงใส่กระเพาะจนเต็มแล้ว เราก็มีแผนจะเดินตามเส้นทางธรรมชาติเพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกที่ดอยต่องปะแลกันครับ


เส้นทางเดินไปเนินต่องปะแลครับ มีต้นไม้ทรงสวยๆ ดอกไม้ใบหญ้าเยอะเลยครับ แต่ถ้าท่านใดไม่อยากเดินก็มีเส้นทางสำหรับขับรถไปจอดที่ใกล้ๆแล้วเดินต่อไปอีกนิดหน่อยได้นะครับ แต่ส่วนตัวเราว่าไม่ได้อารมณ์ เหมือนไม่ได้ละเลียดบรรยากาศ

ต้นไม้ข้างทางครับ

ดอกสีม่วงอวดช่องาม

เฟรินส์สวยชูช่อเขียวอยู่ริมทาง

เส้นทางที่เราใช้เดินขึ้นไปบนดอยครับ

มีป้ายคอยชี้ทางตลอดครับไม่ต้องกลัวหลงทาง

เดินมาสักระยะก็ถึงแล้วครับดอยต่องปะแล

บนนี้อากาศดีมากๆครับ วิวก็สวยเห็นภูเขาลูกเล็กลูกน้อยเต็มไปหมด เหมือนเทวดามาบรรจงวาดไว้ทีเดียว เรียกได้เต็มปากว่างามแบบสวรรค์สร้างครับ


นั่งชิวรับโอโซนกันจนเต็มปอดแล้ว พระอาทิตย์ก็เริ่มลาลับขอบฟ้าลงไปเรื่อยๆ แสงสีทองแสงสุดท้ายของวันเวลาฉาบไปบนเขาใหญ่ น้อยสวยงามไม่แพ้กันเลยครับ


งามไหมครับ ยังไม่ชัดใช่ไหม จัดไปอีกครับ...


แสงนี้เป็นแสงสุดท้ายของวันแล้วครับ... ตอนนี้เราต้องรีบลงจากดอยก่อนที่จะมองอะไรไม่เห็นเลย เพราะเรามีไฟฉายมาแค่กระบอกเล็กๆกระบอกเดียวเท่านั้น...วันนักท่องเที่ยวมากันเยอะมากเลยครับ แต่แปลกที่บนดอยต่องปะแลนี้กลับไม่มีคนอยู่เลย มีเพียงเราแค่สองคนเท่านั้น หลังจากลงมานั่งทานอาหารที่ร้านของอุทยานได้คุยกับเจ้าหน้าที่ได้ความมาว่าจุดชมพระอาทิตย์ตกของดอยต่องปะแลคนยังไม่ค่อยรู้จักกันครับ...เป็นโชคดีอีกอย่างของเรา เพราะเวลามาเที่ยวสถานที่ธรรมชาติแบบนี้บอกตรงๆเลยครับ บางทีก็เบื่อเวลาคนเยอะๆเพราะแออัดมองไปทางไหนก็เห็นแต่คน และที่สำคัญที่สุดคือจะมีคนบางประเภทที่ไม่ได้สำนึกที่ดีว่านี่คือป่า คือธรรมชาติ... ทิ้งของที่ระลึกไว้มากมาย(ขยะทั้งหลาย) ส่งเสียงดังรบกวนสัตว์ป่าอื่นๆครับ ถ้าเพื่อนๆมาเที่ยวกันก็ช่วยกันรักษาธรรมชาติไว้นะครับ :)

Day : 3
วันนี้เราตื่นตอนตี 4.30 น. เพื่อมานั่งเฝ้าพระอาทิตย์ขึ้นกันที่เนินช้างเผือกครับ ตอนเช้าของที่นี่อากาศเย็นสบายดีมากครับ


รูปนี้ตอนเราไปชมพระอาทิตย์ขึ้น หันไปเห็นพี่สาวยืนกอดน้องอยู่ทั้งคู่อายุไม่น่าถึง 10 ขวบครับ ภาพนี้เราขอตั้งชื่อให้ว่า "ถึงหนาวกายแต่หัวใจอุ่นดี"


วันนี้เราจะขึ้นไปพรมแดนไทย-พม่า หรือจุดประสานสัมพันธไมตรี นิจนิรันด์ไทย-เมียนมาร์ และเมืองปิล็อคกันครับ แต่วันนี้จะขอติดรถครอบครัวผู้ใจดีที่เราได้รู้จักกันที่อุทยานไปเที่ยวครับ พี่ๆทุกท่านเป็นกันเองมากๆ ขอบครับอีกครั้งนะครับ
ธงไทย-ธงพม่า

มาถึงแล้วครับชายแดนไทย-พม่า จุดนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิมยเลยทีเดียว ใครขึ้นมาไม่ถ่ายจุดนี้ไว้ถือว่ามาไม่ถึงครับ

ครอบครัวผู้ใจดีครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ


ตรงนี้เป็นฝั่งพม่าครับ มีนายทหารพม่ายืนหน้าโหดอยู่ เค้าว่ากันว่าดุมากเชียวครับ อย่าได้เข้าไปใกล้
ต่อมาเราก็มาแวะเที่ยวที่เมืองปิล็อคกันต่อครับ มีน้องน่ารักสองคนคอยรำต้อนรับเราอยู่ครับ


เมืองปิล็อคเป็นหมู่บ้านที่เปิดขายของที่ระลึกและมีร้านอาหารบริการผู้ที่มาเที่ยวชมที่นี่ครับ รายได้ส่วนมากของคนที่นี่ได้มาจากการต้อนรับนักท่องเที่ยวครับ
หน้าเมืองปิล็อคครับ

เรามัวแต่นั่งดูเด็กรำจนไม่ได้ถ่ายรูปร้านอาหารและบรรยากาศรอบๆมาอวดครับ เพราะน้องสองคนนี่เค้าตลกจริงๆ พอคนเข้ามาทีน้องก็จะเปิดการแสดงทีพอคนเดินผ่านไปหมดน้องจะน้องจะลงเลยครับ แล้วรายได้งามจริงๆครับ เราเห็นน้องนับพับแบงค์นับไม่ถ้วนจริงๆ ทุนการการศึกษาสำหนับเด็กครับ :)

พอเราเที่ยวเล่นจนเหนื่อยแล้วเราก็กลับเข้ามาทานข้าวที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิกันเหมือนเดิมครับ วันนี้เราสั่งอาหารมาทานเหมือนเดิม แต่วันนี้เราเพิ่มไข่ดาวลงไปด้วย ระหว่างกำลังทานกันอยู่อย่างสบายอารมณ์ก็มีน้องแจ๋วแหว๋ว มาบินเล่นใกล้ๆให้ชมครับ

แจ๋วแหว๋วเป็นนกเงือกครับ เป็นผู้หญิงสาวสวยอยู่ที่นี่มานานแล้วครับจะคอยมาบินอวดโฉมใกล้เสมอๆ


ทานข้าวไปนั่งมองแจ๋วแหว๋วไป เอ..เริ่มบินเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที เราก็นั่งคุยกันว่าแจ๋วแหว๋วนี่เชื่องมากไม่กลัวคน นักท่องเที่ยวเข้าไปเล่นด้วยแจ๋วแหว็วก็ไม่กลัว พอสักพักครับ แจ๋วแหว๋วบินมาเกาะตรงระเบียงทีเรานั่งทานข้าวอยู่ เอ...ยังไงชักไม่เข้าที เข้ามาใกล้ไปหรือเปล่าขณะเรากำลังไม่รู็จะทำไงดีปรากฏาว่า


แจ๋วแหว๋วลงกลางวงเราเลยครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลงงาบไข่ดาวในจานข้าวเราเลย เออ...ยังทานไม่ถึงครึ่งเลยน่า...หึ!!! แจ๋วแหว๋วนะแจ๋วแหว๋วทำกันได้... เห็นแก่ความน่ารักของแจ๋วแหว๋วนะครับเนี่ยเราถึงยอม มันน่าจับมาตีก้นสักสองสามผั๊วะ จริงๆ ไอ้เราก็หลงนึกว่ามาอวดโฉมให้ชมเล่นเฉยๆ หลังจากเรานั่งมองแจ๋วแหว๋วทานไข่ดาวของเราจนหมดแล้ว วันนี้เรามีแผนจะย้ายมานอนเต็นท์กันครับ เพราะเมื่อคืนนอนบนบ้านทาร์ซานวิวสวยดีอยู่ครับ ห้องน้ำก็สะดวกดี แต่เวลาลมพัดนี่ไม่ไหวครับเวียนหัวมากๆบ้านไหวตามลมเลยครับ ช่วงนี้ลมแรงเรานอนไม่ค่อยได้เลยครับเวียนหัวอาการเหมือนเมารถยังไงยังงั้น แถมตั้งแต่เก็บของไม่ทันเสร็จนักท่องเที่ยวเดี๋ยวเดินขึ้นมาถ่ายรูป กลุ่มนั้นเสร็จกลุ่มนี้มา ขึ้นลงกันเป็นว่าเล่นขนาดรู้ว่ามีคนอยู่นะครับตั้งแต่ค่ำจนเช้า เฮ้อ!!!ลานอนเต็นท์สักคืนดีกว่าครับ


Day : 4 บรรยากาศหน้าเต็นท์เราครับ


เรานอนเต็นท์แล้วรู้สึกนอนสบายกว่าบ้านต้นไม้ครับ เพราะยังไงหลังก็แตะดินมากกว่า ไม่มีไหวตามแรงลมครับ...


วันนี้เมื่อชมบรรยากาศตอนเช้าเสร็จแล้วเราจะนั่งรถสองแถวที่มีวันละเที่ยวเพื่อกลับเข้าไปที่ท่ารถครับ... ก่อนกลับก็ถ่ายรูปด้านหน้าสักหน่อย...


รถสองแถวมาแล้วครับ เราต้องไปกันแล้ว แต่เรามาดูสภาพของรถที่เราขึ้นมาก่อนครับ


เนื่องจากรถมีวันละเที่ยวคนจึงแน่นมาครับ ที่นั่ง VIP ของเราครับ นั่งเกร็งมาตลอดทางเลยครับคิดดูนะครับเพื่อนๆ ผ่านกี่หุบเขา แล้วทางที่ผ่านมาเหวลึกๆทั้งนั้น โอ้ยลมจะจับครับ แถมวันนี้ 8 องศาครับ... หนาวจนปากสั่นเลยครับ


ถึงแล้วครับลงแทบไม่เป็นเลย...ระหว่างรอรถตู้เพื่อเข้าไปต่อรถในเมืองกลับกรุงเทพเราแวะไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำด้วยครับ น้ำใสเหมือนตาตั๊กแตนเลยครับ น่าลงเล่นจริงๆ


เจอกันใหม่ทริปหน้าน่ะครับ.....

8 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5/1/53 21:17

    ภาพสวยน่าไปเที่ยวจังเลยคับ

    ตอบลบ
  2. สวยจัง อยากไป ถึงไกล ขอสักวัน แม้จะไกล เกินเอื้อมฝัน ก็ขอหวังจะได้ไป

    ตอบลบ
  3. น่าไปจังครับ ถ้าเอาเต๊นไปด้วยก็แหล่มเลย

    ตอบลบ
  4. กาญจน์นี่บ้านผมเลยแฮะ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปสังขละ ซักกะที
    ไว้พาผมไปเที่ยวมั่งนะ 555+

    ตอบลบ
  5. อยากไปมานานแล้วนะสะพานมอญที่สังขละ
    แต่นึกถึงเรื่องการเดินทางแล้วต้องกลับมาชั่งใจ
    นั่งรถก็ไกล เข้าไปสะพานก็ไกล
    ได้แต่เก็บไว้เป็น Travel Lists : สถานที่ท่องเที่ยวที่ฉันอยากไป
    เอาไว้ครึ้มอกครึ้มใจเมื่อไหร่ค่อยไปละกัน

    ตอบลบ
  6. สวยดีเคยไปครับ

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ6/1/53 16:19

    ดีอ่ะคับ อยากเขียนให้ได้แบบนี้มั่ง แต่ไม่สำเร็จแหะ..

    ป๋อ 46

    ตอบลบ
  8. ที่นั่ง VIP ม๊ากมากเลยฮับพี่โมทย์
    แต่จะยังไง ก็ไม่หวั่นอยู่แล้วสำหรับพี่โมทย์
    เนื่องจาก เครื่องเล่นที่พัทยาก็ไปวัดมาแล้ว....

    ตอบลบ