เขาใหญ่
สำหรับบรรยากาศฝนพร่ำในช่วงนี้จะไปไหนคงต้องวางแผนกันสักหน่อย เพราะถ้าไปเจอฝนตกหนักระหว่างทางคงไม่ค่อยสนุกนักจริงไหมครับ ทริปนี้เกิดจากแรงบันดาลใจที่อยากไปเติมพลัง สูดโอโซนให้เต็มปอดเพื่อกลับมาสู้กับชีวิตเมืองใหญ่ นั่นคือเป้าหมายหลักของเรา...

เราจึงตัดสินใจไปอุทยานแห่งเขาใหญ่(ปราจีนบุรี)...


หลังจากเริ่มเข้าสู่เขตเขาใหญ่ก็เริ่มได้บรรยากาศความชุ่มฉ่ำของหน้าฝน ต้นไม้สีเขียวเข้ม อากาศเย็นสบาย

วันนี้เราจะเที่ยวในบริเวณเขาใหญ่โดยต้นเริ่มจากน้ำตกเหวนรกกันนะครับ...


ระหว่างทางเดินไปน้ำตกเราต้องข้ามสะพานแต่แม่เจ้าประคุณ!!! เจอป้ายนี้เข้าให้ อืมน่าคิดทีเดียวครับ... สะพานสำหรับเดินข้ามถ้าตกลงไปคงไม่ดีแน่ เราก็ได้แต่หวังว่างบประมาณจะเข้าถึงในอีกเร็ววัน...

พื้นผิวบนสะพานเป็นไม้ จะมีบางชิ้นที่ผุพังไปบ้างเดินต้องคอยระวังตก แต่ก็สวยไปอีกแบบ...

วิวสองข้างทางระหว่างเดินข้ามสะพาน...

หลักฐานยืนยันความชุ่มชื้นของผืนป่า

ระหว่างทางเดินขึ้นไปน้ำตกเหวนรก เราเจอเห็ดถ้วยขึ้นตามกิ่งไม้ และมีเห็ด ราชนิดต่างๆขึ้นอยู่ทั่วไปแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นป่า เหมือนต้องการจะยืนยันกับเราว่ายามนี้ผืนป่ากำลังชุ่มชื่นต้อนรับหน้าฝนอย่างเต็มกำลัง
ตรงนี้เป็นบริเวณต้นน้ำก่อนจะแปลงสายน้ำเล็กๆ ให้เป็นน้ำตกเหวนรกที่มีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก รุนแรง แต่แฝงความงามไว้อย่างน่าพิศวงตามธรรมชาติ...
ช่วงนี้น้ำตกกำลังไหลเชี่ยว เพราะอยู่ในช่วงหน้าฝนเพราะปีนี้ฤดูฝนก็ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มความสามารถเรียกได้ว่าฝนตกแทบทุกวันทีเดียว

ตรงจุดยืนชมน้ำตกนอกจากจะได้ชมความสวยงามของน้ำตกแล้ว ละอองน้ำก็จะมาสัมผัสหน้าตา เนื้อตัว ตลอดเวลา เรียกได้ว่ารับความเย็นฉ่ำกันอย่างเต็มอิ่มทีเดียวครับ รับรองยืนไม่ถึงห้านาทีตัวจะเปียกเหมือนลงไปเล่นน้ำตกเลย...

หลังจากยืนรับความเย็นจากสายน้ำจนหนาวแล้ว เราก็เดินกลับขึ้นมาเพื่อนจะเดินทางสู่จุดมุ่งหมายต่อไป....

ระหว่างทางเจอป้ายรวมกฎข้อห้ามของการมาเยี่ยมชมเขาใหญ่ครับ...

ระหว่างทางเจอลิงเป็นระยะ บางทีเจอเป็นฝูง แต่บางครั้งก็มาแค่สามสี่ตัว ลิงพวกนี้จะไม่เหมือนลิงที่บางแสน หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เท่าที่เราสังเกตลิงที่นี่จะดูเป็นธรรมชาติกว่าเยอะ เพราะเค้าไม่รู้จักรถ ไม่รู้จักคน ไม่เหมือนลิงบางแสนอันนั้นน่ากลัว เห็นคนจะเข้ามาขอขนม แย่งของ เราว่าลิงพวกนี้โดนสังคมมนุษย์พรากความเป็นธรรมชาติออกไปหมด
จุดหมายต่อไปของเราคือจุดชมวิวผาตรอมใจ หรือเรียกว่าจุดชมทิวทัศน์ยอดเขาเขียว ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของที่ราบภาคกลางและสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดปราจีนบุรีได้...

บนผาตรอมใจอากาศเย็นมากครับ ภาพที่เราถ่ายนี่เวลาประมาณบ่าย 2 โมง ซึ่งตอนนั้นอากาศอยูที่ประมาณ 23 องศา สามารถชมวิวได้สุดลูกหูลูกตา



ระหว่างชมวิวจะมีพี่ๆกรมป่าไม้ เล่นดนตรีให้ฟังด้วยครับ นั่งฟังเพลินๆเข้ากับบรรยากาศดี
พี่ๆบอกเราว่าวงของเค้าชื่อวง "ฅนแผ่นดินเขียว" บทเพลงเพื่อธรรมชาติ โดยกลุ่มผู้พิทักษ์ป่าเขาใหญ่ แนวเพลงจะเป็นเรื่องราวสะท้อนมุมมองของป่า และการพิทักษ์รักษาผืนป่า
วงนี้จะมีสมาชิก 3 ท่าน โดยมีการจัดทำเป็นซีดีวางจำหน่ายที่ผาตรอมใจ ถ้าท่านใดแวะเวียนไปเที่ยว แล้วได้รับฟังเพลงก็อย่าลืมสนับสนุนเหล่าผู้พิทักษ์ป่าเพื่อนเป็นแรงใจกันนะครับ
เมื่อเราฟังเพลงจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก็เดินทางมาสู่จุดชมวิวผาเดียวดาย ซึ่งจริงๆแล้วเราเลยมาเพราะเป็นจุดที่สังเกตไม่เห็น

จุดชมวิวผาเดียวดาย ซ่อนตัวอยู่ในป่าดิบเขา โดยต้องหยุดรถที่ กม.9 เป็นจุดที่อยู่ระหว่างทางขึ้นผาตรอมใจหรือที่เรียกว่าเขาเขียว และต้องใช้เวลาเดินเท้าไปประมาณ 200 เมตร
ดูจากภาพจะเหมือนเวลาเช้าตรู่ แต่จริงๆแล้วเป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ ครับ ดูไม่น่าเชื่อแต่เป็นเรื่องจริง เรียกว่าเดินเข้ามาแล้วเหมือนหลุดมาจากอีกโลกหนึ่งเลย
โอ้สดชื่น... เส้นนี้เป็นทางที่เราต้องเดินเท้าเข้าไปครับ อันนี้แค่สิวๆ เป็นวิวระหว่างทางเท่านั้น...
วิวเต็มๆ ระหว่างทางเดินไปผาเดียวดาย....เห็นภาพแล้วคงไม่ต้องบรรยายว่าอากาศดีแค่ไหน บอกได้ว่า "โครตๆ ครับ"
แค่เดิน แล้วสูดอากาศให้เต็มปอด เอาความเหนื่อยหน่ายที่พกมาจากเมืองใหญ่ ทั้งความสับสนวุ่นวายทิ้งไปตามอากาศ แล้วสูดเอาอากาศที่สดชื่นเข้าไปเติมพลังชีวิตให้มีแรงกลับมาต่อสู้กับชีวิตต่อไป


นั่งเฉยๆสายลมจะพัดหมอกเข้ามาสัมผัสผิวกายทำให้สดชื่น ชื่นฉ่ำหัวใจ รู้สึกดีชนิดที่ว่าเอาน้ำแร่ฉีดหน้าก็ยังไม่สดชื่นได้เท่านี้...


ตามพื้นดิน ต้นไม้จะเห็นมีพวกตะไคร่ขึ้นอยู่ทั่วไปแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ จุดนี้เป็นพื้นที่ ที่ชื้นตลอดทั้งปี



เมื่อเราใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่จุดนี้นานพอสมควรแก่เวลาแล้วก็ถึงเวลาเดินทางต่อไป...


ระหว่างทางเราแวะเดินเล่น เพราะเห็นวิวบริเวณนี้สวยดี ปรากฎว่าระหว่างยืนมองวิวอยู่นั้น ตาพลันมองไปเห็น...


เจ้าเก้งตัวนี้กำลังเดินเล็มหญ้าอยู่พอดี ท่าทางเอียงอาย แต่ก็เก็บความอยากรู้ไว้ไม่ไหว...

ค่อยๆย่องเข้ามาดูสิ่งแปลกปลอมอย่างสงสัย...

เมื่อเดินมาเมียงมองจนหายสงสัยแล้ว ก็จากพวกเราไปอย่างไม่เหลียวแล



จริงๆในเขาใหญ่มีจุดชมวิวทิวทัศน์ และน้ำตกอีกมากมายหลายแห่งนะครับ แต่เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางเป็น One Day Trip เพราะด้วยจำกัดทางด้านเวลาและปัยจัยอื่นๆอีกมากมาย จึงเลือกเฉพาะจุดที่อยากไป และสะดวกในการเดินทาง แต่เรามั่นใจว่าอีกไม่นานเราจะกลับไปแวะเวียนตามจุดที่ละเลยไป อีกแน่นอนครับ ....

4 ความคิดเห็น:

  1. (Y) ไปเที่ยวกันอีกแล้ว... บรรยากาศแบบ ได้โอโซนจิงๆ อยากสูดด้วยจัง นี่ไปแบบเช้าเย็นกลับหรอยุ้ย น่าหนุกดีนะเนี้ย

    คุณโมทย์ : เป็นนักดนตรีกะเค้าด้วยแหะ ^^
    ยุ้ย : ดูสดชื่นมากมาย บรรยากาศดีแท้ก่า...

    ชอบ ชอบ เหมือนได้ไปด้วยเลย

    ตอบลบ
  2. เขาใหญ่..เพิ่งไปมาเมื่อเดือนสิงหานี้เหมือนกันค่ะ
    เสียดายตอนนี้โดนน้ำท่วมซะแล้ววว
    ยังไงก็ฝากโหวตด้วยน้าคะ :))
    http://followthesun.exteen.com/

    ตอบลบ
  3. ดีมาก ๆ ขอบคุณจ้า

    ตอบลบ
  4. เขาใหญ่ เป็นที่น่าสนใจและน่าอนุรักษ์มากค่ะ
    ยังไงถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าปีใหม่ จะไปไหนดี ของเชิญมาเที่ยว
    ที่เขาใหญ่ นะค่ะ จะได้พบกับพวกเรา เยาวชนกลุ่มต้นกล้านครนายก ค่ะ
    เราจะทำการรณรงค์ ช่วยลิงบนเขาใหญ่กันค่ะ
    อยากรู้ว่าเป็นการรณรงค์แบบไหน ปีใหม่เจอกันนะค่ะ .....

    เที่ยวทเขาใหญ่ เอาใจใส่ ช่วยอนุรักษ์ ด้วยนะค่ะ
    ไม่ควรขับรถบนเขาใหญ่ เกิน 60 กม./ ชม.
    เก็บขยะกับมาด้วย
    อย่าให้อาหารสัตว์ป่า ... จะเป็นโทษต่อเขา และต่อตัวเราเองได้
    เพราะอาหารของเขาไม่เหมือนของเราหรอกค่ะ ..

    แล้วเจอกันวัน ที่ 31 ธ.ค. 53 -2 ม.ค. 54
    บริเวณผากล้วยไม้ ค่....า

    ตอบลบ