วันนี้เราตื่นประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะไปหาข้าวเช้ากินที่ย่าน China Town กันครับ

บรรยากาศยามเช้า

China Town

สังเกตว่าที่มาเลเซียช่วงเช้า ประมาณ 6 - 9 โมงเช้า จะยังเงียบมากๆครับ บ้านช่องของชาวบ้านที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวยังปิดเงียบ และผู้คนยังออกจากบ้านน้อยมากๆ แต่ย่าน China Town จะมีคนอยู่เสมอแทบจะทั้ง 24 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ทั้งนักท่องเที่ยว และพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของ ร้านขายข้าวบางร้านนี่เปิดทั้งวันทั้งคืนเลย คนจีนอยู่ที่ไหนก็ขยันจริงๆนะครับ ประเทศเค้าเลยพัฒนาไปเร็วทั้งทางด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างต่างๆ

ข้าวเช้าในย่าน China Town

หน้าตาของข้าวเช้าเราครับ จะมีข้าวผัดและก็จะแยกพวกของทอดไว้หลายอย่าง เช่น เต้าฮู้ทอด ไข่ดาว เกี้ยวทอด และอีกสารพัดเลยให้เราเลือกว่าจะกินกับอะไรบ้างเค้าก็จะตักใส่จานเราให้แล้วก็จะราดน้ำซอสในข้าวให้ รสชาติก็ 7/10 ครับ ข้าวจะจืดๆหน่อย ซอสรสชาติกลมกล่อมใช้ได้ ซอสนี่เค้าจะมีหลายอย่างนะครับ แล้วแต่ว่าเรากินอะไรบ้างเค้าก็จะราดให้ตามอาหารที่เราสั่ง หรือบางร้านก็จะราดซอสหรือน้ำแกงให้เราทุกอย่างในจานเดียวกันเลย ต้องคอยจ้องแล้วรีบบอกเค้าให้ทันนะครับ ไม่งั้นในจานข้าวของคุณจะมีซอสหรือน้ำแกงราดรวมๆกันมามากกว่า 3 ชนิดเลยเชียว สนนราคาก็ประมาณ 60 บาท 

7/11 

ตอนเรากินข้าวเราสั่งชาเย็นมาดื่มด้วยนะครับ แต่จิบไปคำแรกแบบว่าไปต่อไม่เป็นเลย รสชาติแบบแก่มาก แก่ชาจนขมเลย  จิบไปคำสองคำขอพอดีกว่าไม่งั้นได้ทรมานท้องกันทั้งวันแน่ๆ เราเลยต้องเดินไปหาน้ำเปล่าในเซเว่นแทน ของในเซเว่นที่นี่มีไม่ค่อยเยอะนะครับ ในมินิมาร์ทหรือร้านของชำจะมีของเยอะกว่าและของส่วนมากก็จะมาจากเมืองไทยเรานั้นล่ะ 

ระหว่างการเดินทาง

ร้านดอกไม้ข้างทาง

หลังจากกินข้าว กินน้ำเดินถ่ายรูปย่อยอาหารอยู่แถวนั้นสักพักเราก็จะเดินทางไปเที่ยวที่ถ้ำบาตู (Batu Caves) กันต่อ โดยจะเดินทางด้วย KTM Komuter สายสีแดงและจะไปลงที่สถานี Batu Caves 

ตู้ซื้อตั๋ว

การซื้อตั๋วของเค้าก็เหมือนกับรถไฟฟ้าของเรานั้นล่ะครับ สามารถกดเลือกสถานีได้และก็มีการเปลี่ยนสถานีตามเส้นทางที่เราต้องการไป แต่ถ้าเกิดสงสัยหรือไม่มั่นใจเราสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตรงพนักงานได้เลย เพราะคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้แทบทุกคนแต่สำเนียงบางคำจะฟังยากสักหน่อย แล้วอีกเรื่องที่แปลกคือภาษาอังกฤษบางคำของเค้าเนี่ยเขียนไม่เหมือนภาษาสากลที่เราใช้นะครับ ถ้ามีโอกาสไปลองสังเกตป้ายหรือโฆษณาต่างๆที่เค้าขึ้นไว้ดู

ภายในสถานีรถไป  Batu Caves 

บรรยากาศภายในสถานี

ถ้ำบาตูห่างจากกัวลาลัมเปอร์ไปทางเหนือ 13 กม. ในถ้ำมีหินปูนเป็นชั้นหนา ชาวฮินดูจะมาทำพีธิปลงอาบัติ ในช่วงปลายเดือนมกราคมเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการสำนึกบาปในอดีตและแสดงสัตย์ปฎิญาณที่จะกลับตัว ผู้มีจิตศรัทธาจะนำของไปถวาย ซึ่งมีตั้งแต่เหยือกนมที่เทินไว้บนศีรษะ ไปจนถึงโครงไม้ที่มี ดอกไม้ประดับ ผลไม้คอนด้วยเหล็กแหลมเส้นบางยาวแล้วเสียบเข้าไปในร่างกาย และจนอดทนขึ้นบันไดจำนวน 272 ขั้นเพื่อขึ้นไปที่ถ้ำอันเป็นจุดหมายสุดท้าย แต่ในช่วงปกติจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมความงามเสมอ ถ้ำหลักของเทือกเขานี้มีชื่อว่าถำ้โบสถ์ เป็นโถงถ้ำใหญ่ มีหินย้อยยาว 6 เมตร มีแสงส่องเข้ามาในช่องเพดาน ส่วนถ้ำอีกแห่งตรงเชิงเขาจะมีภาพวาดเป็นเส้นๆพูดถึงตำนวนของศาสนาฮินดู และในบริเวณใกล้เคียงยังมีถ้ำอีกราว 20 แห่งในเทือกเขานี้ และมีหน้าผาอีกด้านซึ่งเป็นที่นิยมของนักปีนผา

บรรยากาศด้านหน้า

เทือกเขาหินปูนที่เราเห็นอยู่นี้ ภายในเป็นวัดที่ชาวศาสนาฮินดูสร้างขึ้นเพื่อถวายแดีพระขันธกุมาร จุดเด่นของวัดถ้ำบาตูคือรูปปั้นของพระขันธกุมารที่สูงถึง 42.7 เมตร เชื่อกันว่าพระองค์ปกป้องสวรรค์จากการรังควาญของพวกอสูร เมื่อพระองค์ถือกำเนิดมามีพระพักตร์ถึง 6 พระพักตร์ แต่ละพระพักตร์เป็นตัวแทนของ ความฉลาด พละกำลัง ความร่ำรวย ชื่อเสียง ความเที่ยงธรรม และพลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้กราบไหว้หรือบูชาจะได้รับพรถึง 6 ประการ

บันไดขึ้นถ้ำบาตู

ทางขึ้นถ้าบาตูมองขึ้นไปก็แอบเพลียแล้ว สูงเหลือเกินบันได้ทางขึ้นค่อยข้างชันหากท่านใดมีผู้สูงอายุหรือข้อเข่าไม่แข็งแรงควรระวังให้ดีนะครับ ต้องค่อยๆเดิน เรียกเหงื่อได้หลายหยดเลย

ลิงระหว่างทางขึ้นถ้ำบาตู

ระหว่างทางก็จะมีลิงคอยปีนป่ายซุกซนขอของกินไปเรื่อยๆ ทั้งสองข้างทาง ที่นี่ลิงจะค่อยข้างชุมและซนมากถ้าเดินไปถึงช่วงไหนที่ลิงเยอะๆต้องระวังกันหน่อยนะครับเพราะลิงมันซนอย่าไปถือของล่อตามันมากระวังเอาไว้ก่อนดีที่สุด

ผู้เดินทางมาสักการะ

ขึ้นบันได้มาพอได้เหงื่อก็จะเห็นด้านหน้าของถ้ำมีแต่หินงอกหินย้อยเห็นมาแต่ไกล บรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแต่มานั่งนึกๆแล้วถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวบรรยากาศคงน่ากลัวอยู่เหมือนกันเพราะเป็นภูเขาที่มีถ้ำในเขาขนาดใหญ่ มีลิงนกบินราบ  และค้างคาวอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังมีรูปสักการะของศาสนาฮินดูอยู่มากมาย

ทางเข้าถ้ำบาตู

ภายในถ้ำด้านหน้าจะเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ มีละอองน้ำเย็นๆกระจายอยู่ทั่วไปอากาศเย็นกว่าด้านนอกมากทีเดียว แต่จะมีกลิ่นอับๆอยู่บ้างเหมือนกันถ้ำทั่วๆไป มองขึ้นไปด้านบนจะมีบันไดให้เดินขึ้นไปในถ้ำอีก  

เด็กชายเดินมาทางทำพิธีทางศาสนาฮินดู

ร้านขายของที่ระลึกภายในถ้ำบาตู

รูปสักการะต่างๆภายในถ้ำ

ถ้ำที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้าชมกันมากที่สุดคือถ้ำโบสถ์ ภายในก็อย่างที่เราเห็นนี่ละครับคือมีหินงอกหินย้อยอยู่ทั่วไป และขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาว 6 เมตร มีลำแสงธรรมชาติลอดผ่านช่องเขามาจากเพดานของถ้ำ 


ชาวฮินดูเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนา

ภายในถ้ำโบสถ์บรรยากาศทั่วไปถือว่ามีการระบายอากาศพอใช้ได้ครับ เมื่อเทียบกับถ้ำด้านข้างสำหรับเราพอเดินไปถึงปากทางเข้าอีกถ้ำหนึ่งตรงด้านหน้าของถำ้โบสถ์รู้สึกถึงกลิ่นเหม็นฉุนของค้างคาวคือกลิ่นสาปแรงมากๆ เราจึงเลือกที่จะเข้าเพียงถ้ำเดียวครับ หากท่านอื่นๆจะเข้าให้ครบทุกถ้ำหรือวางแผนจะไปปีนหน้าผาต้องหาข้อมูลเพิ่มสักนิดนะครับ หรือทางที่ดีควรหาไกด์ที่ชำนาญนำทางไปด้วยเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง

เราสองคนใช้เวลาถ่ายรูป เดินเล่นอยู่ที่ถ้ำบาตูสองสามชั่วโมงครับ และต่อไปจะเดินทางไปเดินเล่นที่  Central Market กันต่อการเดินทางก็สะดวกมากครับขึ้นรถไฟเหมือนเดิม

บรรยากาศการเดินทาง

ชาวมาเลเซียนิยมขึ้น KL กันมากเพระเดินทางสะดวกและเชื่อมต่อกันไปทั้งเมืองถือว่าสบายทีเดียวครับและกระจายความแออัดของสังคมเมืองออกไปสู่ชานเมืองและต่างจังหวัดได้ดี ที่เราเห็นระบบรถไฟเค้าค่อนข้างดีเพราะสายเก่า สายใหม่นำมาพัฒนาให้เชื่อมต่อกันได้ทุกเส้นทางทำให้ระบบการเดินทางค่อนข้างมีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็วกับผู้ใช้งานมากๆ 


สังเกตสีเสื้อนะครับ วันนี้จะมีชาวมาเลเชียเดินทางเป็นกลุ่มๆใส่เสื้อสีเขียว แดง เหลือง ไปทั่วในกัวลาลัมเปอร์เลยเราเห็นตั้งแต่เมื่อเช้าตอนออกจากโรงแรมแล้ว คาดว่าวันนี้จะมีการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญแน่ๆเลย แหม วันนี้ฟลุคใส่เสื้อเขียวมาด้วยถึงไม่เขียวแบบเค้าก็ถือว่าเขียวแหละหว่า  อาจะเป็นโชคดีของเรานะครับเผื่อได้เข้าร่วมดูการแข่งฟุตบอลนัดสำคัญของเค้าด้วยเพราะมาลาเชียเนี่ยเค้าให้ความสำคัญกับฟุตบอลกันค่อนข้างเยอะและเล่นกันจริงจังทีเดียวครับ 


ขึ้นรถจนถึง Central Market เราก็เห็นคนใส่เสื้อสีสันต่างๆมาตลอดทาง แต่พอเราเดินมาถึง Central Market เออ.......จากที่เดินร่าเริง ลัลลากันมาเริ่มงงครับ ทำไมคนมาอยู่ที่ Central Market เยอะจัง เหมือนมีเจ้าหน้าที่มายืนดูสถานการณ์ด้วยยิ่งเดินเข้าไปใกล้คนยิ่งเยอะ สงสัยไม่แข่งบอลแล้วมั้งเนี่ย เริ่มรู้สึกแปลกๆ (ยังมองโลกในแง่ดีไง) สัมผัสที่ 5 บอกถึงลางไม่ค่อยดี 


เริ่มเหลียวซ้ายมองขวา เดินไปถามคนที่นั่งอยู่แถวนั้นว่าพวกยูมีกิจกรรมอะไรกันเหรอทำไมคนมารวมกันเยอะจริง ? คำตอบพาเราอึ้งไปหลายวินาทีเลยครับ เค้าตอบเราว่า "Anti Government" เอาแล้วไง แล้วยังบอกเราต่ออีกว่านี่ๆถ้ายูอยากไปเห็นคนเยอะกว่านี้อ่ะไปที่สนามกีฬาสิ เยอะกว่านี้อีกมากนี่พวกเรากระจายกันทั่วกัวลาลัมเปอร์แหละแล้วเดี๋ยวเราจะเดินประท้วงไปรวมกันที่สนามกีฬาอีกที เอออึ้งสิครับ วางแผนเที่ยวมาอย่างดีไม่คิดว่าจะมีการประท้วงแบบนี้ ข่าวก็ไม่มีว่าจะมีการประท้วง เปลี่ยนแผนด่วนเลยครับ อ้อแต่ยังมีคำถามที่ชาวกัวลาลัมเปอร์ถามเรากลับมาทำเอาเจ็บจิ๊ดอีกหนึ่งคำถามแปลเป็นไทยประมาณว่า "เมืองไทยบ้านพวกคุณก็ชอบประท้วงกันบ่อยไม่ใช่เหรอเห็นออกข่าวไปทั่วโลก" ผ้างงง เจอคำนี้เข้าไปยิ้มแห้งแล้งเลยครับ....


จริงๆตามแผนของเราวันนี้เราจะหลังจากที่เที่ยว Central Marke เสร็จแล้วเราจะเดินทางไป Putrajaya ที่เป็นศูนย์รวมทางราชการของมาเลเซีย และมีทำเนียบรัฐบาลสำนักนายกที่ออกแบบเมืองให้ทันสมัยและมีสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่ผสมกับศิลปะของประเทศมาเลเซียเอง พอเที่ยวเสร็จค่อยกลับมาที่ Petronas  twin tower แต่เห็นทีวันนี้แผนของเราจะต้องปรับใหม่หมดเพราะคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ดูจากสถานการณ์แล้วคนประท้วงน่าจะเยอะ 


พอเราเดินขึ้นมาถึงสถานีรถไฟเพื่อที่จะไปตึก Petronas ขบวนประท้วงก็เริ่มออกเดินไปทั่วแล้ว ได้ยินแต่เสียง "Freedom" ระงมกันทั่วทั้งเมือง แต่เราก็คิดว่าคงไม่แบบกระจายไปจนถึงในเมืองชั้นในอย่างตึก  Petronas แน่ๆ 

บรรยากาศาการเดินทาง

ด้านหน้าตึก  Petronas 


การประท้วงยังไม่ลามมาถึงตึก  Petronas จริงๆครับแต่ด้านหน้าตึกและทางเข้ามีตำรวจหลายคนคอยควบคุมอย่างเข้มงวดเลยทีเดียว 

 Petronas twin tower

Petronas twin tower


Subscribe
รบกวนช่วยกด Subscribe เพื่อเป็นกำลังใจด้วยน่ะครับ

ด้วยเวลาที่เหลือเยอะมากสำหรับการเปลี่ยนแผนวันนี้เราเลยกะว่าจะเดินเที่ยวในย่านช็อปปิ้งของกัวลาลัมเปอร์แทนแผนเดิมที่เราวางไว้ครับและเนื่องจากว่าแดดแรงมากทำให้ใช้เวลาถ่ายรูปอยู่ที่ตึก  Petronas ไม่นานและเราจะกลับมาถ่ายรูปอีกทีตอนค่ำๆ



Starhill 

ที่นี่อารมณ์เหมือนเดินย่านสยามหรือพารากอนบ้านเราครับ จะมีร้านสินค้าแบรนด์แนมต่างๆทั้งสตรีทแฟชั่นและแบรนด์ระดับบนๆ ให้เลือกช้อปเลือกซื้อกันได้ตามใจชอบเรียกว่าถ้าสาวๆมานี่ตาลุกเลยครับ แต่ราคาก็พอๆกะบ้านเรานะ อาจจะมีบางอย่างที่ราคาต่ำกว่าบ้าง สูงกว่าบ้างแต่ก็ไม่เยอะ เราใช้เวลาเดินเล่นอยู่จนเริ่มบ่ายแก่ๆก็คิดว่าจะกลับโรงแรมไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนให้สบายสักแปบแล้วค่อยออกมาตอนค่ำๆอีกรอบ 




แต่พอเริ่มเย็นผู้ประท้วงบางคนก็เริ่มเดินทางกลับ  บางคนก็ออกไปสมทบเพื่อประท้วงกันต่อไป คือแทนที่เหตุการณ์จะดีขึ้นตอนนี้กลับเเป็นว่าไปทางไหนก็เห็นแบบนี้อยู่ทั่วไปเลย
บรรยากาศมาคุมากครับ....

หลังจากที่เรากลับโรงแรมอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว สบายใจแล้วเราก็ออกไปเดินเล่นที่ย่าน China Town เพราะเค้าบอกว่ามีตลาดกลางคืนด้วย

บรรยากาศหน้าโรงแรม

China Town ยามค่ำ

เฉาก๋วยมาเลเซีย

ร้านน่ารักข้างทาง

China Town ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นมากสำหรับเราเพราะร้านต่างๆขายของที่ดูไม่ต่างจากไทยเลยครับ และคนก็เดินกันไม่มากถ้าเทียบกับว่าเป็นคืนวันเสาร์ เราเลยใช้เวลาอยู่ที่นี้ไม่มาก....

Petronas twin tower 

และเดินทางไปที่ Petronas twin tower อีกครั้งเพราะเห็นใครต่อใครมาริวิวภาพตอนกลางคืนไว้สวยมากอยากจะเห็นกับตาว่ากลางคืนเนี่ยจะสวยกว่ากลางวันแค่ไหน ไม่ผิดหวังครับ...สวยกว่าจริงๆไฟสว่างไปทั่วเลย เหมือนกับว่าท้องฟ้าเนี่ยพลอยสว่างไปทั่งเมืองด้วย 



ด้านหลังตึก Petronas twin tower

หลังจากถ่ายรูปเล่นจนเริ่มดึกแล้วเราก็กลับโรงแรมอีกครั้งเพื่อพักผ่อนออมแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้กันครับ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ก่อนเราเดินทางกลับจะต้องเจอกับอุปสรรคอะไรอีกหรือเปล่า คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ....

ไม่มีความคิดเห็น: