DAY 3

วันนี้เราจะอยู่สิงคโปร์เป็นวันสุดท้ายแล้วครับ เพราะเราคิดว่า 3 วัน 2 คืน น่าจะเป็นเวลาที่พอเหมาะ พอดีที่จะใช้เที่ยวในสิงคโปร์ สำหรับวันนี้โปรแกรมก็วนเที่ยวจุดเด่นๆในสิงคโปรให้ครบเท่านั้น สิงคโปร์นี่ต้องชมเชยระบบการเดินทางขนส่งเค้ามากๆ เพราะสะดวกสบายกะเกณฑ์เวลาได้แน่นอน อีกทั้งรถ MRT ยังทั่วถึงทั้งประเทศ วันนี้เราเริ่มต้นวันด้วยการแวะชิมติ่มซำเป็นอาหารเช้าก่อนออกเดินทางกันครับ

ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมงครับ ร้านอาหารที่สิงคโปร์แทบทุกร้านที่เราแวะทาน แล้วเดินผ่านภายในร้านสะอาด การจัดวางเป็นระเบียบ เพราะรัฐบาลเค้าจะคำนึงถึงเรื่องนี้มากครับ จะมีการให้คะแนนเรื่องความสะอาดด้วย ส่วนร้านไหนเก็บเกินราคา ภายในร้านไม่สะอาด หรือไม่เก็บโต๊ะให้เรียบร้อย เค้าก็จะสั่งขึ้นแบล็คลิสเลยนะครับ เราว่าจุดนี้น่าสนใจมากถ้าเอามาประยุกต์ใช้กับบ้านเรานี่จะเป็นเรื่องดีเชียวครับ ผู้บริโภคจะได้สบายใจเวลาทานอาหาร



เมนูเช้านี้เราสั่งขนมจีบกุ้ง ซาลาเปาหมูแดง โกปี๊ แค่นี้เองครับ แต่อย่านึกว่าน้อยเชียวทานแทบไม่ไหวของเค้าแบบเนื้อแน่นมากๆ ขนมจีบกุ้งนี่กัดเข้าไปกุ้งเป็นตัวๆเลยนะครับ ไม่ใช่เศษกุ้งเนื้ออย่างแน่น สำหรับรสชาติยังไม่เท่าไหร่แต่เครื่องนี่ถึงมากๆ สนนราคามื้อนี้ประมาณ 300 บาท ครับ ถือว่าพอรับได้คุณภาพอาหารถือว่าเยี่ยมครับ







ยามเช้าย่านถนน Geylang จำนวนรถส่วนตัวของที่นี่นับว่าน้อยมากครับถ้าเทียบกับบ้านเรา เค้าว่ากันว่าคนมีรถส่วนตัว มีบ้าน ในสิงคโปร์นี่ถือว่าฐานะไม่ธรรมดานะครับ... วันนี้เราจะเดินทางไปน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง หรือ Fountain of Wealth กันก่อนครับ โดยนั่ง MRT ไปลงที่สถานี Promenade แล้วเดินต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงเลย



จะอยู่ใจกลางของอาคาร Suntec City เลยครับ อีกในหนึ่งจะเหมือนอยู่ใจกลางฝ่ามือที่หงายขึ้นหมายถึงเงินทองที่จะไหลเข้ามาไม่ขาดมือ ตามหลักฮวงจุ้ย นอกจากนี้ยังที่นี่ยังเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยหนังสือ Guinness Book ได้บันทึกไว้ในปี พ.ศ. 2541 น้ำพุจะมีลักษณะเป็นสีบรอนซ์เงิน และมีวงแหวนล้อมรอบโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 66 เมตร และสูง 13 เมตร เชียวครับ แต่วันที่เราไปโชคร้ายหน่อยที่เค้าไม่เปิดน้ำพุ เลยเห็นแต่เส้นรอบวง อดเป็นผู้ร่ำรวยเงินทองไม่ขาดมือเลยครับ กะว่าจะไปวนเพื่อให้เงินทองไม่ขาดมือสักหน่อย


สำหรับน้ำพุแห่งนี้สามารถเข้าชมได้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆนะครับ เมื่อไปถึงแล้วจะเห็นเด่นชัดเลย



ความน่ารักของสิงคโปร์อีกอย่างที่เราสังเกตเห็นก็คือตามทางเดินบนสถานี MRT ต่างๆ เค้าจะตกแต่งตามลักษณะเด่นของแต่ละย่านนะครับ แต่ละสถานีจะไม่ซ้ำกันเลย แสดงให้เห็นว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยเหล่านี้เค้าไม่ได้ละเลยมันไป แต่กลับนำมาสร้างให้เป็นเอกลักษณ์ สถานีนี้เค้าใช้กระเบื้องเคลือบเป็นลายต่างๆมาตกแต่งไว้ทำให้แลดูสวยงามแปลกตา



หลังจากผิดหวังจากน้ำพุแล้วเราก็เดินทางต่อไปขึ้น Singapore Flyer เพื่อชมวิวประเทศสิงคโปร์กันครับ แต่ระหว่างทางเดินเราเจอเสาอารมณ์ประมาณเสาทางด่วนหรือเสา MRT นี่แหละครับ แต่ดูสิเค้ารู้จักเอาต้นตีนตุ๊กแกมาปลูกให้มันเลื้อยขึ้นไป ทำให้ลดความแข็งและอารมณ์ของสิ่งก่อสร้างที่ดูขัดหูกันตาไปได้มากทีเดียว นี่ไม่ใช่ที่แรกในสิงคโปร์ที่เราเจอแบบนี้นะครับ เค้าจะมีแทรกต้นไม้นั้นนี่ ทางเล็กๆน้อยๆ ก็จัดสรรใส่ลงไปจนได้ แล้วจะไม่ชมเค้าเรื่องความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้อย่างไร จริงๆแล้วเราว่ารัฐบาลเค้านี่มีความใส่ใจกับธรรมชาติและอารมณ์โรแมนติกไม่เบาเชียวนา



ราคาตั๋วอยู่ที่ 29.5 เหรียญสิงคโปร์หรือตีเป็นเงินไทยประมาณคนละ 700 บาทกับเศษอีกนิดหน่อย ใช้เวลาชมประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อที่จะให้เรานั่งชมวิวทั้งเกาะ แล้วถ้าอากาศดีๆยังสามารถมองไปเห็นเกาะสุมาตราได้อีกด้วย



ทางเดินก่อนเราขึ้นไปก็จะมีห้องนิทรรศการเล็กๆให้ชมนิดหน่อย และจะมีคนมาถ่ายรูปให้ก่อนขึ้นเพื่อนำไปตัดต่อในโปรแกรมมาให้เราตอนลงด้วย


แคบซูลต่อหนึ่งแคปซูลจะแบ่งให้นั่งตั้งแต่ 4-6 คนแล้วแต่ดวง



ก่อนขึ้นมาเค้าจะแจกเครื่องวิทยุเล็กๆ ลักษณะเหมือนวอให้มาใช้ฟังคนละเครื่อง พอเปิดเค้าก็เริ่มบรรยายถึงความเป็นมา ลักษณะภูมิประเทศ นั้นนี่โน้นให้ความรู้ไปเรื่อยๆ ใครใคร่ฟังก็ฟังไปชมไป ใครไม่อยากฟังก็ไม่ต้องฟัง เดินไปเดินมาชมวิวได้ตามสบาย


ส่วนภายในก็กว้างขวางดีไม่แออัด ขนาด 6 คนยังเดินได้สบายๆ มีพื้นที่เหลือให้ถ่ายรูปกันคนละมุม




หน้าอ่าวของเค้ามีแต่เรือสินค้าจอดเต็มไปหมด การค้าทางทะเลที่นี่คงเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยเชียว


ภายในใหญ่หรือไม่ใหญ่ก็สังเกตจากตัวเราแล้วกันครับ นี่แค่มุมหนึ่งของแคปซูลเท่านั้นเอง


Subscribe
รบกวนช่วยกด Subscribe เพื่อเป็นกำลังใจด้วยน่ะครับ


สูงพอๆกับตึกที่เค้าว่าสูงที่สุดในสิงคโปร์





อันนี้เด็ดมาก สนามฟุตบอลไม่มีเหรอ ชิ!!! อย่าได้แคร์ก็ถมทะเลมันสะเลยสิ เป็นไงครับบ้านเค้านี่ขนาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์นะเนีย สนามฟุตบอลกลางทะเล ยังมีที่สำหรับให้มิตรรักแฟนเพลงมานั่งเชียร์อีกตั้งหาก


อีกมุมของเมือง



พอลงจากแคปซูล Singapore Flyer แล้วก็จะสามารถซื้อของที่ระลึกได้มากมายเลยครับ แต่ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร พอเราเดินลงมาก็จะมีพนักงานคอยชี้ว่าให้ไปรับรูปที่ถ่ายก่อนขึ้น โดยมีเพ็คเกจให้เลือกหลายหลายตามความต้องการของแต่ละท่าน ราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน เราเลยไม่ได้รับมา แต่จุดนี้ต้องส่งพนักงานที่ Singapore Flyer มาดูงานที่แก่งกระจานเมืองเพรช บ้านเรานะครับความเร็วต่างกันมาก ที่บ้านเรานี่รู้ตัวอีกทีหน้าเราไปอยู่บนจานเรียบร้อยแล้ว ความชำนาญยังสู้เราไม่ได้ ณ จุดนี้

หลังจากที่เราเดินดูของที่ระลึกจนเบื่อแล้ว เราก็เดินทางต่อไปที่ย่าน Little India กันเลย... ลง MRT ที่สถานี Little India ตามชื่อเลยครับ




แวะทานอาหารกันอีกสักหน่อยนะครับ เนื่องจากวันนี้ใช้พลังงานตุเรง เต๊ะช่า ไปเยอะแล้วต้องเติมพลังกันหน่อย



มื้อนี้เราสั่งบะหมี่ กวางตุ้งผัดน้ำมันหอย ข้าวมันไก่ มาทาน บะหมี่ที่นี่เค้าจะถามทีหลังว่าคุณต้องการซุปแบบไหนต้มยำ ซุปธรรมดา หรืออะไรก็ว่าไป อาหารก็มันๆเลี่ยนๆ ครับ เออพูดถึงข้าวมันไก่แล้วนึกขึ้นได้ เราค่อนข้างผิดหวังกับข้าวมันไก่สิงคโปร์ ที่เค้าบอกอร่อยนัก อร่อยหนา ร้านไหนดังเราไปลองลิ้มชิมรสมาหมดแล้วครับ ไม่ถูกปากเลยส่วนตัวว่าไม่อร่อยเลย สู้บ้านเราไม่ได้อร่อยกว่าเยอะเลย


ถึงแล้วครับ สังเกตได้จากบรรยากาศจะเปลี่ยนแนวไปเลย



นึกว่านั่งประตูข้ามมิติมาโผล่ที่อินเดียเสียอีก พอเข้ามาย่านนี้ปุ๊บก็จะเจอร้านขายเครื่องเทศ เครื่องประดับแบบแนวอินเดีย สาหรีสีสันจัดจ้าน เต็มไปหมด ผู้คนก็แต่งตัวกันสีสันจัดจ้านสวยงามเชียวครับ



ย่านนี้จะมีห้างสรรพสินค้า Mustafa Center ที่ลำลือกันว่าของแบรนด์เนมวางขายเหมือนตลาดนัดบ้านเราเลยทีเดียว ก็ต้องไปพิสูจน์กันหน่อยว่าจริงหรือไม่







ระหว่างทางไป Mustafa Center เราก็แวะที่วัด Sri Mariamman ซึ่งไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านในจึงสามารถถ่ายรูปจากด้านนอกได้เท่านั้น


ถึงด้านหน้าของ Mustafa Center แล้วครับเราเข้าไปกันเลยดีกว่า



ด้านหน้าก็จะมีพนักงานคอยตรวจตรา ให้ฝากกระเป๋าเป้หรือของได้หรือไม่ฝากก็ได้ตามใจครับ ดูเค้าจัดวางของสิครับ ไม่มีที่ให้หายใจเลยแน่นไปหมด


วางแบบของไม่มีคุณค่าเลยครับ แลดูราคาตกเลยแต่ละอย่าง



ของพวกนี้ของแท้ทั้งหมดนะครับ แต่เนื่องจากเค้าจัดให้มันดูแบบง่ายต่อการสัมผัส ไม่เหมือนบ้านเราต้องเจอพนักงานขายของตามเคาเตอร์ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ที่นี้ไม่มีพนักงานมากวนใจคุณให้หงุดหงิดนะครับ เดินได้ หยิบจับ ลองได้ตามใจ จะมีพนักงานอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ




โซนน้ำหอมก็จะมีให้เลือกตามใจชอบหลากหลานยี่ห้อ มีให้เทสตามใจด้วยนะเออ


จะรับ Gucci หรือ Anna Sui กันดีล่ะครับ ถ้ายังไม่ถูกใจก็มีแทบทุกยี่ห้อในโลกเลยนะครับ เราลองสำรวจมาแล้ว



อาหารก็มีให้เลือก ที่นี่จะมีน้ำมะม่วงขายอยู่เต็มไปหมดเลย หลากหลายยี่ห้อ ไม่แน่ใจว่าคนสิงคโปร์ชอบรสชาติมะม่วง หรือเป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายที่สุดเพราะมันเยอะมากจริงๆ


อยากซื้ออะไรก็หยิบใส่ตะกร้าหรือรถเข็นมาจ่ายเงินตรงนี้ได้เลย...



เมื่อเดินด้านในเบื่อแล้วเราก็ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศด้านนอกกันอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินทางเข้าเมืองและนั่ง MRT ไปสนามบินกันครับ




สาวๆ มาเดินช้อปกัน



หลังจากเดินเล่นย่านนี้อิ่มหนำสำราญดีแล้วเราก็เดินทางโดยรถ MRT ไปขึ้นเครื่องกลับที่สนามบินกันเลยครับ การเดินทางสะดวกสบายเป็นอย่างมากสำหรับสิงคโปร์ ข้อดีอีกอย่างของระบบขนส่งที่นี่คือสามารถคำนวณเวลาไปชัดเจนดีไม่ต้องให้มาลุ้นว่าจะเจอเหตุการณ์รถติด หรือสิ่งที่ทำให้ระทึก ตื่นเต้น ชั่วโมงสุดท้ายของการเดินทาง



สำหรับทริปสิงคโปร์เราขอลาไปด้วยภาพนี้นะครับ สำหรับทริปหน้าเราจะพาเดินทางไปเปิดโลกกว้างที่ไหน ประเทศหรือจังหวัดอะไร อย่าลืมติดตามกันต่อนะครับ....

3 ความคิดเห็น:

  1. ภาพสุดท้ายสวยดีครับ ......^^

    ดูจากรูปแล้วอยากไปเที่ยวจังเลย

    แต่คงต้องเก็บเงินอีกนานแหละครับ --"

    ตอบลบ
  2. สุดยอดเลยครับ....สวยมากเลย

    โอกาสหน้าเก็บภาพสวยๆมาฝากอีกนะครับ

    ตอบลบ
  3. สวยจริงๆครับ ไว้จะมาติดตามเรื่อยๆนะ

    ตอบลบ